หยิบมาเล่า
ความเดือดร้อนของผู้ป่วย จากคนกลุ่มหนึ่งสร้างเรื่อง
จากที่คนทำเลวจนน่ารังเกียจทำให้เกิดเป็นข่าวครึกโครมและใหญ่โตในกรณีที่มีคนกลุ่มหนึ่งนำชื่อผู้เสียชีวิตเพื่อไปเบิกยากับทางโรงพยาบาลชื่อดังแถวอนุสาวรีย์ จนเรื่องราวถูกเปิดเผย และสืบสาวราวเรื่องจนรู้ว่าบุคคลกลุ่มนั้นได้ทำกันเป็นขบวนการมาเป็นเวลาหลายปีจากการนำยาที่เบิกมาไปขาย ณ วันนี้ได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างมากกับผู้ป่วยที่ต้องใช้ยารักษาตัวเองจริง ๆ แต่ทางโรงพยาบาลรัฐทุก ๆ แห่งมีนโยบายในการจ่ายยาให้ผู้ป่วยโดยมารับเดือนละครั้ง แม้แพทย์จะนัดตรวจครั้งต่อไป 3 หรือ 4 เดือน หากแต่ผู้ป่วยทุกคนต้องมารับยาทุกเดือนไม่ใช่รับไปทีเดียวเหมือนที่ผ่านมา
ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่บางคนเดินทางมาพบแพทย์ด้วยตัวเองคนเดียว แต่บางคนโชคดีหน่อยลูกหลานพามา ทว่าการมาโรงพยาบาลก็มีค่าใช้จ่ายแม้จะเสีย 30 บาท อย่างครอบครัวดิฉันต้องจ้างรถเพื่อพาแม่ของหลานไปรับยาเพราะไม่สะดวกหยุดงานซึ่งค่ารถที่ต้องจ่ายในการไปหาหมอครั้งละพันกว่าบาท เมื่อต้องมาเผชิญกับปัญหาที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลยจากคนกลุ่มเลวที่เห็นประโยชน์ส่วนตัวสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นอย่างหน้าด้าน ๆ
โดยความเดือนร้อนที่ได้ยินมาจากเสียงบ่นของผู้ป่วยคือ ต้องหาเงินจ้างรถ หรือขอให้ลูกหลานหยุดงานเพื่อมารับยาแทน ซึ่งลูกหลานที่มารับยาแทนก็ต้องหยุดงานถูกไหม เพราะเป็นนโยบายของโรงพยาบาลรัฐ เหมือนเป็นการตรวจดูภายในบ้านตัวเองว่ามีบุคคลใดได้กระทำผิดแบบนั้นหรือเปล่า ทว่าความเดือดร้อนกลับตกมาที่คนป่วยต้องใช้ยาจริง ๆ หนำซ้ำต้องเก็บรักษาใบรับยาให้ดี มิเช่นนั้นหากทำใบรับยาหายทางโรงพยาบาลพอจะช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้อย่างไรบ้าง? จากที่เห็นผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุเกือบทั้งนั้น น้อยมากที่จะเป็นวัยอายุต่ำกว่าห้าสิบ ดังนั้นการเก็บเอกสารเพิ่มนั่นคือ ‘ใบรับยา’ จากที่เก็บใบนัดแพทย์ตรงนี้อนาคตจะส่งผลกับผู้ป่วยสูงอายุมากน้อยแค่ไหน เพราะเป็นการเพิ่มความรับผิดชอบเข้ามา
ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีนโยบายจากโรงพยาบาลให้มารับยาทุก ๆ เดือนแทนการจ่ายงวดเดียวเหมือนเมื่อก่อน ผู้ป่วยก็ต้องเก็บรักษาใบรับยาให้ดี แต่ผู้ป่วยที่มีลูกหลานคอยดูแลก็อาจจะถ่ายซีร็อกซ์ไว้กันหาย หรือถ่ายใบรับยาเก็บไว้ในมือถือ ก็เป็นการดีกันเกิดการผิดพลาดได้
เสียงของผู้ป่วยเพื่อส่งถึงผู้หลักผู้ใหญ่ช่วยแก้ปัญหาที่สร้างความเดือดร้อนจริง ๆ โดยเห็นชัดคือเรื่องเงินในการจ้างรถมารับยาในครั้งต่อ ไป จากที่เสียค่ารถครั้งเดียวและเสียเวลารอพบแพทย์เป็นวัน ๆ กลายเป็นต้องหาเงินมาจ้างรถ หรือขอให้ลูกหลานหยุดงานเพื่อมารับยาแทน ฉะนั้น จึงอยากขอให้ปัญหาที่เกิดขึ้นที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างถูกเร่งแก้ไขโดยเร็ว เพื่อคลายความทุกข์ใจของคนหาเช้ากินค่ำที่ต้องควักเงินมาจ่ายเพิ่มเรื่องของการเดินทางมารับยา แม้ทางโรงพยาบาลมีการจัดยาส่งให้ถึงบ้าน ทว่าก็มีบางโรงพยาบาลยังไม่มีนโยบายส่งยาให้ถึงบ้าน ดังนั้นค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทางไปรับยาก็เป็นผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาจริงเป็นผู้แบกรับเอาไว้ ดังนั้นเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองผ่าน ควรเร่งรีบดำเนินการแก้ไข เพราะถือเป็นการเพิ่มภาระเรื่องค่าใช้จ่ายให้กับผู้ป่วยจริง ๆ ที่ต้องแบกรับอย่างเลี่ยงไม่ได้